ปัญหา – ภิกษุควรจะพิจารณาธาตุ ๖ คือ ปฐวี อาโป เตโช วาโย อากาศ และวิญญาณอย่างไร?
อาโลกกสิณ (กสิณแสงสว่าง) คือ กสิณแสงสว่าง เป็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงไฟเป็นต้น แต่เมื่อมิอาจ เพ่งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงไฟต่างๆโดยตรง ก็ต้องทำองค์กสิณ โดยการหารอยแตกของฝาเรือน หลังคาที่พักอาศัย หรือเจาะให้แสงสว่างลอดเข้ามาปรากฏที่ฝาหรือพื้นเรือน หรือจุดตะเกียง หรือเปิด ไฟไว้ เอาม่านกั้นให้มิดชิด เจาะรูม่านให้แสงลอดออกมาเป็นดวงที่ฝา แล้วเพ่งดูแสงสว่างนั้น บริกรรมว่า โอภาโส โอภาโส (แสงๆๆ) หรือ อาโลโก อาโลโก (สว่างๆๆ) จนอุคคหนิมิตเกิดขึ้นเป็นแสงสว่างไม่ต่าง จากบริกรรมนิมิต ส่วนปฏิภาคนิมิตแสงสว่างจะเป็นกลุ่มก้อนคล้ายดวงไฟในโป๊ะไฟสีขาวสว่างรุ่งโรจน์ กว่าอุคคหนิมิตหลายเท่า ๑๐.
5-40 องศาเซลเซียส หน้าแดง เปลือกตาแดง อาจมีน้ำมูกใสคอแดงเล็กน้อยหรือไม่แดงเลย การรักษาโรค ปรุงยาแก้อาการตามสมุฏฐานโรค โดยหลักเภสัชกรรมไทย – ไข้เพื่อเสมหะใช้ยารสสุขุม ได้แก่โกศต่างๆ เทียนต่างๆ กฤษณา กระลำพัก ชะลูด ขอนดอก หญ้าฝรั่น – ไข้เพื่อปิตตะ ใช้ยารสเย็น ได้แก่ ใบไม้ที่มีรสเย็น เกสรดอกไม้ที่ไม่ร้อน ไอ ใช้ยารสเปรี้ยวกัดเสมหะ เช่น มะขามป้อม ใช้ยาในบัญชีหลักแห่งชาติ ๒. ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง กระหายน้ำ ไม่มีเสมหะ ตาแดง ตัวร้อนปากขม วินิจฉัย ไข้เพื่อกำเดา ยาที่ใช้ 2 ประเภท ยาบรรเทาอาการไข้ ได้แก่ ยาเขียวหอม และจันทลีลาตรีผลาใช้เพื่อปรับธาตุทั้งสี่ให้สมดุล ยาที่ใช้ในการรักษาโรค ยาเขียวหอมบรรเทาอาการไข้ ร้อนในระหายน้ำ ยาจันทลีลา บรรเทาอาการไข่ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู ยาตรีผลา ยาประจำฤดูร้อน ช่วยปรับธาตุเตโช วาโย อาโปให้สมดุลกับฤดูร้อน ๒. ผู้ป่วยมีอาการไข้ เจ็บคอ ตัวร้อน วินิจฉัย ไข้กำเดามีการติดเชื้อ ยาที่ใช้ ๒ ประเภท ฟ้าทะลายโจร และตรีผลายาที่ใช้ในการรักษาโรค ยาที่ใช้ในการรักษาโรค ฟ้าทะลายโจร ตรีผลา ๒.
ปรารถนาหญิงแลชายใด ให้เสกอาคมบทนี้เป็นตัวช่วย พุทธคุณ... ให้รักและหลงใหลดีนักแล เชยยะ เชยยะ อิติปิโสภะคะวา อะระหังเตโช อาโป วาโย ปถวี โสภาจะติ นะโม ธัมโม ปุริโส อิตถีโย คันธะโนชาโต เอหิ เอหิ ปริเท วันติ ปิยังมะมะฯ พระเวทอาคมบทนี้ ครูบาอาจารย์ท่านให้สวดถึง 108 จบ ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพระมหานะมุตตะโม ปิโยนาคะสุปัณณานัง ปิณิทรียัง นะมามิหังฯ พระเวทอาคมบทนี้ ครูอาจารย์ท่านให้สวดถึง 108 จบ ค้นหาภายในหน้านี้ กด Ctrl + F แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการค้นหา กด Enter
อาโป ธาตุ = ธาตุน้ำ ๓. อากาศ, อากาศ- ที่ที่ว่างเปล่าซึ่งมีอยู่เป็นเอกเทศจากสสาร, เป็นธาตุอย่าง ๑ ใน ๖ คือ ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) อาโป ธาตุ (ธาตุนํ้า) เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) วาโยธาตุ (ธาตุลม) อากาศธาตุ (ที่ว่างเปล่า) และวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้)
๔ สามารถเผาผลาญบ้านเมือง วัตถุสิ่งของต่างๆได้ ๓. ๕ ทำให้แสงสว่างเกิดขึ้น เพื่อจะได้แลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุอภิญญา ๓. ๖ ทำให้เตโชธาตุ หรือไฟลุกไหม้สรีระในสมัยที่ปรินิพพาน ๓. ๗ ทำให้ความมืดหายไป ๔. วาโยกสิณ มีอานุภาพ คือ ๔. ๑ เหาะไปได้ ๔. ๒ สามารถไปถึงสถานที่ที่ตนต้องการจะไปได้อย่างรวดเร็ว ๔. ๓ ทำสิ่งที่หนักให้เบา ๔. ๔ ทำให้พายุใหญ่เกิดขึ้น ๕. นีลกสิณ มีอานุภาพ คือ ๕. ๑ ทำวัตถุสิ่งของให้เป็นสีเขียว ๕. ๒ ทำเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง เป็นต้น ให้เป็นมรกต ๕. ๓ ทำความมืดให้เกิดขึ้นไม่ว่าเวลาใด ๕. ๔ ได้อภิภายตนะ ๕. ๕ ได้สุภวิโมกข์ คือ บรรลุ มรรค ผล นิพพานโดยง่ายและสะดวกสบาย ๖. ปีตกสิณ มีอานุภาพ คือ ๖. ๑ ทำให้วัตถุสิ่งของเป็นสีเหลือง ๖. ๒ ทำเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง เป็นต้น ให้เป็นทอง ๖. ๓ ได้อภิภายตนะ ๖. ๔ ได้สุภวิโมกข์ ๗. โลหิตกสิณ มีอานุภาพ คือ ๗. ๑ ทำให้วัตถุสิ่งของเป็นสีแดง ๗. ๒ ทำเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง เป็นต้น ให้เป็นแก้วทับทิม ๗. ๓ ได้อภิภายตนะ ๗. ๔ ได้สุภวิโมกข์ ๘. โอทาตกสิณ มีอานุภาพ คือ ๘. ๑ ทำให้วัตถุสิ่งของเป็นสีขาว ๘. ๒ ทำเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง เป็นต้น ให้เป็นเงิน ๘. ๓ ทำให้หายจากความง่วงเหงาหาวนอน ๘.